งานชิ้นที่ 3 Models of communication of schramm


Models of communication of schramm
รูปแบบการสื่อสารของชแรมม์ 


          ชแรมม์ได้นำรูปแบบจำลองการสื่อสาร ลักษณะกระบวนการ
สื่อสารทางเดียวเชิง
เส้นตรงของแชนนันและวีเวอร์มาใช้ เพื่อเป็นแนวทางในการอธิบายการสื่อสารที่เกิดขึ้นในการ
เรียนการสอน โดยเน้นถึงวัตถุประสงค์ของการสอน ความหมายของเนื้อหาข้อมูลและการที่
ข้อมูลได้รับการแปลความหมายอย่างไร นอกจากนี้ ชแรมม์ยังให้ความสำคัญของการสื่อ
ความหมาย การเรียนรู้ และการแปลความหมายของสัญลักษณ์ ว่าเป็นหัวใจสำคัญของการ
เรียนการสอน ตามลักษณะรูปแบบจำลองของชแรมม์นี้ การสื่อสารจะเกิดขึ้นได้อย่างดีมี
ประสิทธิภาพเฉพาะในส่วนที่ผู้ส่งและผู้รับทั้งสองฝ่ายต่างมีวัฒนธรรม ประเพณี ความเชื่อ
ความรู้ ฯลฯ ที่สอดคล้องคล้ายคลึงและมีประสบการณ์ร่วมกัน จึงจะทำให้สามารถเข้าใจ
ความหมายที่สื่อกันนั้นได้ ทั้งนี้เพราะผู้ส่งสามารถเข้ารหัสและผู้รับสามารถถอดรหัสเนื้อหา
ข่าวสารได้ เฉพาะในขอบข่าย ประสบการณ์ที่แต่ละคนมีอยู่ เช่น ถ้าเราไม่เคยเรียนภาษา
รัสเซีย เราคงไม่สามารถพูดหรือแปลความหมายของภาษารัสเซียได้ เป็นต้น ถ้าส่วนของ
สาร ประสบการณ์ของทั้งผู้ส่งและผู้รับซ้อนกันเป็นวงกว้างมากเท่าใด จะทำให้การสื่อสารนั้น
เป็นไปได้โดยสะดวก และง่ายมากยิ่งขึ้น เพราะต่างฝ่ายจะเข้าใจสิ่งที่กล่าวถึงนั้นได้เป็นอย่างดี
แต่เมื่อใดที่วงของขอบข่ายประสบการณ์ซ้อนกันน้อยมากหรือไม่ซ้อนกันเลย แสดงว่าทั้งผู้ส่ง
และผู้รับแทบจะไม่มีประสบการณ์ร่วมกันเลย การสื่อสารนั้นจะทำได้ยากลำบากหรือแทบจะ
สื่อสารกันไม่ได้อย่างสิ้นเชิง ซึ่งสามารถทราบได้จากผลป้อนกลับที่ผู้รับส่งกลับไปยังผู้ส่งนั่นเอง 



          เนื่องจากในการสื่อสารนั้นเราไม่สามารถส่ง ความหมาย”(Meaning) ของข้อมูล
ไปยังผู้รับได้ สิ่งที่ส่งไปจะเป็นเพียง สัญลักษณ์” (Symbol) ของความหมายนั้น เช่น คำพูด
รูปภาพ เสียงเพลง ดังนั้น เมื่อมีการสื่อสารเกิดขึ้นผู้ส่งต้องพยายามเข้ารหัสสารซึ่งเป็น
สัญลักษณ์ต่าง ๆ เพื่อให้ผู้รับเข้าใจได้โดยง่าย ซึ่งสารแต่ละสารจะประกอบด้วยสัญลักษณ์ต่าง ๆ
มากมาย โดยที่สัญลักษณ์แต่ละตัวจะเป็นตัวบ่งบอกถึง สัญญาณ” (Signal) ของบางสิ่ง
บางอย่างซึ่งจะทราบได้โดยประสบการณ์ของคนเรา ผู้ส่งต้องส่งสัญลักษณ์เป็นคำพูด ภาษา
เขียน ภาษามือ ฯลฯ เพื่อถ่ายทอดความหมายของสารที่ต้องการจะส่ง โดยพยายามที่จะ
เชื่อมโยง เนื้อหาสารเข้ากับประสบการณ์ที่สอดคล้องกันทั้งสองฝ่าย เพื่อให้ผู้รับสามารถแปล
และเข้าใจความหมายของสัญลักษณ์เหล่านั้นได้โดยง่ายในขอบข่ายประสบการณ์ของตน
ตัวอย่างเช่น ถ้าผู้ส่งต้องการส่งสารของคำว่า คอมพิวเตอร์ให้ผู้รับที่ไม่เคยเห็นคอมพิวเตอร์
มาก่อน ผู้ส่งต้องพยายามใช้สัญลักษณ์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการอธิบายด้วยคำพูด ภาพ หรือ
สัญลักษณ์อื่นใดก็ตาม เพื่อให้ผู้รับสามารถเข้าใจและมีประสบการณ์ร่วมกับผู้ส่งได้มากที่สุด
เพื่อเข้าใจความหมายของ คอมพิวเตอร์
ตามที่ผู้ส่งต้องการ
ที่มา:http://www.ipecp.ac.th/ipecp/wbi/ed-techno/program/unit3/page4.html

สรุป รูปแบบการสื่อสารของชแรมม์นั้นจะเป็นการสื่อสารระหว่างสองฝ่าย เช่น การสื่อสารในห้องเรียนระหว่างครูและนักเรียน โดยข้อมูล คือ เนื้อหาที่เรียน อาจส่งข้อมูลในรูปแบบการพูด เขียนในกระดาน หรือนำเสนอผ่านสื่อต่างๆ เมื่อนักเรียน หรือผู้รับสารได้รับข้อมูลแล้ว จะมีการส่งผลตอบกลับมาในรูปแบบคะแนนสอบ หรือความเข้าใจในบทเรียนนั้นๆ 

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม